โปรแกรมฝังไมโครชิพ

📌 ฝังไมโครชิพสัตว์เลี้ยง: ไม่ใช่แค่ความปลอดภัย แต่คือ ข้อบังคับใหม่ของ กทม.
สัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว แต่ในบางครั้งอาจพบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับน้อง ๆ ได้ เช่น อาจพลัดหลง หลุดหาย หรือหลุดออกนอกบ้าน การฝังไมโครชิพจึงเป็นวิธีที่ ปลอดภัย ถาวร และแม่นยำ ในการยืนยันตัวตนของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว ช่วยให้สามารถติดตามกลับคืนเจ้าของได้หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน สามารถสแกนดูข้อมูลได้ทันทีหากมีคนพบเจอ
และวันนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่เป็น ข้อบังคับตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2567 ที่ประกาศใช้เมื่อ 15 ม.ค. 2568 และจะเริ่มบังคับใช้จริงตั้งแต่ 10 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป
🔍 ชวนรู้จักไมโครชิพ
ไมโครชิพ เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋วเท่าเม็ดข้าว ที่ฝังไว้ใต้ผิวหนังตรงบริเวณหลังหรือช่วงระหว่างไหล่โดยไม่เป็นอันตราย และติดตัวสัตว์เลี้ยงไปตลอดชีวิต โดยจะระบุหมายเลขประจำตัว 15 หลักที่ไม่ซ้ำใคร ซึ่งรหัสนี้จะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลสำคัญของเจ้าของ เช่น
-
ชื่อ – นามสกุลเจ้าของสัตว์เลี้ยง
-
ที่อยู่
-
เบอร์ติดต่อ
-
ประวัติสุขภาพ
-
ข้อมูลการฉีดวัคซีน / ประวัติการเดินทาง ฯลฯ
โดยไมโครชิพจะไม่มีแบตเตอรี่ ไม่ส่งคลื่น ไม่ระบุตำแหน่ง GPS แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อใช้ เครื่องสแกนไมโครชิพ (Microchip Reader) อ่านรหัสเพื่อดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น
💡 ทำไมต้องฝังไมโครชิพ ฝังไมโครชิพแล้วดียังไง?
✅ ระบุตัวตนได้ทันที เมื่อสัตว์เลี้ยงเกิดการพลัดหลงหรือสูญหาย – หากสัตว์เลี้ยงหลุดหาย แล้วมีผู้พบและพามายังคลินิก โรงพยาบาลสัตว์ หรือหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่องอ่านไมโครชิพเพื่อแสดงข้อมูลของเจ้าของได้ทันที
✅ เดินทางต่างประเทศ ได้ตามข้อกำหนด – ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป กำหนดให้สัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องฝังไมโครชิพก่อนเดินทางเข้าประเทศ
✅ ลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงอย่างเป็นทางการ ตามกฎหมาย
✅ ใช้ยืนยันตัวตนในการประกวด หรือยืนยันสายพันธุ์แท้ – กรณีต้องการแสดงหลักฐานความเป็นเจ้าของ หรือยืนยันสายพันธุ์แท้ ไมโครชิพสามารถใช้ร่วมกับทะเบียนพันธุ์หรือใบเพ็ดดิกรีได้
✅ ปลอดภัย ไม่มีผลกระทบกับสุขภาพ ฝังแค่ครั้งเดียว ใช้ได้ตลอดชีวิต
ขั้นตอนการฝังไมโครชิพ
การฝังไมโครชิพเป็นหัตถการขนาดเล็กที่ปลอดภัย ไม่เจ็บ และไม่ต้องวางยาสลบ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
-
เตรียมผิวหนังบริเวณที่จะฝัง ด้วยการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์
-
สัตวแพทย์จะฝังไมโครชิพใต้ผิวหนัง บริเวณหลังหรือช่วงระหว่างไหล่ คล้ายการฉีดยาทั่วไป
-
สแกนตรวจสอบด้วยเครื่องอ่านไมโครชิพ เพื่อเช็กว่าไมโครชิพสามารถทำงานได้ และบันทึกข้อมูลได้ถูกต้อง
-
ลงทะเบียนหมายเลขไมโครชิพ กับข้อมูลเจ้าของในระบบฐานข้อมูล
📍 สามารถเริ่มฝังได้ตั้งแต่อายุ 1–2 เดือน
📍 ไมโครชิพอยู่กับสัตว์เลี้ยงได้ตลอดชีวิต ไม่ต้องเปลี่ยน ไม่มีการเสื่อมสภาพ
💬 บริการฝังไมโครชิพที่เว็ทวิลล์
เพียง 750.- บาท เท่านั้น!
ราคานี้รวมค่าไมโครชิพ ค่าฝัง และค่าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
-
ไมโครชิพระบบ ISO 11784/11785 ที่เป็นมาตรฐานสากล
-
ข้อมูลลงทะเบียนเชื่อมต่อกับระบบกลางที่เข้าถึงได้ทุกโรงพยาบาล
-
ฝังโดยสัตวแพทย์
-
ไม่มีแบตเตอรี่ ไม่ส่งคลื่น ไม่ระบุตำแหน่ง GPS ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง
- สามารถฝังได้ทั้งในสุนัข แมว และสัตว์พิเศษ
📜 ข้อบัญญัติใหม่ กทม. ว่าด้วยการเลี้ยงสัตว์
-
ต้องจดทะเบียนและฝังไมโครชิพ
-
เจ้าของต้องดำเนินการ ภายใน 120 วันหลังสัตว์เกิด หรือ 30 วันหลังเริ่มเลี้ยงในพื้นที่ กทม.
-
การโอนสัตว์ให้ผู้อื่นก็ต้อง แจ้งหน่วยงานตามที่กำหนด พร้อมเอกสารประกอบ
-
-
จำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงตามพื้นที่อยู่อาศัย
-
ห้อง/คอนโด 20–80 ตร.ม. → เลี้ยงได้ 1 ตัว
-
ห้อง/คอนโด ≥ 80 ตร.ม. → เลี้ยงได้ 2 ตัว
-
บ้าน ≤ 20 ตร.วา → 2 ตัว
-
บ้าน ≤ 50 ตร.วา → 3 ตัว
-
บ้าน ≤ 100 ตร.วา → 4 ตัว
-
บ้าน > 100 ตร.วา → เลี้ยงได้ไม่เกิน 6 ตัว
-
-
มาตรการเมื่อพาสัตว์ออกนอกบ้าน
-
ต้องใช้สายจูงหรืออุปกรณ์ควบคุม
-
เก็บอุจจาระสัตว์ทุกครั้ง
-
สุนัขพันธุ์ควบคุมพิเศษ เช่น พิทบูล ร็อตไวเลอร์ ต้องใส่ครอบปากและใช้สายจูงแข็งแรง ห่างจากคอไม่เกิน 50 ซม.
-
-
บทลงโทษ
-
หากไม่ปฏิบัติตาม มีโทษปรับสูงสุดถึง 25,000 บาท
-
-
สัตว์ที่เลี้ยงอยู่ก่อนกฎหมายมีผล
-
หากเลี้ยงเกินจำนวนที่กำหนด สามารถเลี้ยงต่อได้จนสิ้นอายุขัย เพียงแต่ต้องแจ้งต่อสำนักงานเขต และไม่ก่อความเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้าน
-
📂 เอกสารที่ต้องใช้ในการลงทะเบียนสัตว์เลี้ยง กทม.
-
บัตรประชาชน ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
-
ทะเบียนบ้าน (กรณีเช่า ต้องมีหนังสือยินยอมจากเจ้าของบ้าน/นิติบุคคลแนบด้วย)
-
ใบรับรอง คสส.1 (หนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ จากสัตวแพทย์)
-
ใบรับรองการฉีดวัคซีน (ถ้ามี)
-
ใบรับรองการทำหมัน (ถ้ามี)
-
หนังสือมอบอำนาจ (กรณีฝากผู้อื่นไปดำเนินการแทน)