โภชนาการสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงกินยากทำอย่างไรดี สัตว์เลี้ยงกินยากทำอย่างไรดี การทานอาหารยาก (Fussy eater / Picky eater) สามารถเกิดได้ทั้งในสุนัขและแมว จัดได้ว่าเป็นปัญหาที่เจ้าของหลายท่านกลุ้มใจไม่มากก็น้อย มีสาเหตุมาจากหลายอย่างประกอบกัน ก่อนที่จะไปสู่การแก้ปัญหาการเลือกทานนั้น อยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูที่รูปร่างของน้องๆก่อนค่ะ เพราะเราต้องดูว่า ที่เขาเลือกทานนั้นเขาได้รับแคลลอรี่เพียงพอ หรือ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากเด็กๆยังน้ำหนักตัวเหมาะสมหรือค่อนไปทางน้ำหนักเกิน และไม่มีความผิดปกติอื่นๆ เช่น อาเจียน ท้องเสีย ซึม มีความเป็นไปได้ว่า ที่เค้าไม่ทานนั้น อาจเป็นเพราะเขาได้รับแคลลอรี่เพียงพอแล้วเลยไม่ยอมทาน ปริมาณตามที่เราอยากให้ทาน หรือ เพราะเรียนรู้แล้วว่าการที่เขาอดทนรอไม่ยอมทานอาหารหลักที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วอีกซักพักก็จะมีคนให้ขนมอร่อยมากกว่ากับเขา เขาเลยไม่ยอมทานอาหารหลักก็เป็นได้ แต่หากเด็กๆ เลือกทานร่วมกับผอม จับแล้วเจอกระดูกชัดโดยเฉพาะ บริเวณซี่โครง สะโพก และสันหลัง แสดงว่าเขาทานไม่ถึงปริมาณแคลลอรี่ที่ควรได้รับจริงๆ จะต้องมีการตรวจหาสาเหตุกันต่อไปค่ะ การทานอาหารน้อยลง เบื่ออาหาร (anorexia/hyporexia) สามารถเป็นอาการที่บ่งบอกถึงการป่วยของสัตว์เลี้ยงได้ เช่น การมีโรคช่องปากและฟัน ทำให้การเคี้ยวอาหารทำได้ยากจึงไม่อยากทานอาหาร หรือ โรคระบบทางเดินอาหาร ที่มีผลต่อการย่อยและดูดซึมสารอาหาร หรือ โรคไตที่ทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน จึงไม่อยากทานอาหารและเลือกทาน ซึ่งโรคและความผิดปกติต่างๆเหล่านี้จะต้องมีการตรวจวินิจฉัย หากพบความผิดปกติจะต้องมีการวางแผนการรักษาต่อไปค่ะ แต่หากตรวจทั้งหมดแล้วไม่พบความผิดปกติ สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดีแต่เลือกทาน การเลือกทานนั้นมีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากเรื่องพฤติกรรม การปรับพฤติกรรมการเลือกทานต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในบ้าน และอาจต้องมีการปรับหลายๆ อย่าง อาทิ การปรับสิ่งแวดล้อม เช่น หาสถานที่ๆเขาจะทานอาหารได้อย่างสงบๆโดยที่ไม่ถูกรบกวน เพราะหลายๆครั้งการที่ไม่ทานอาหารสามารถเกิดจากความเครียด ไม่ว่าจะจากเสียงที่ดัง มีการย้ายบ้านใหม่ หรือ มีสมาชิกเข้าใหม่ในบ้าน การปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะการให้ขนม ให้สัตว์เลี้ยงเรียนรู้ว่าหากไม่ทานอาหารหลักให้หมดก่อนจะไม่ได้ทานขนม และการไม่ทานอาหารหลักไม่ได้ทำให้ได้ทานขนม หรือ การกำหนดเวลาอาหารให้ทานอาหารให้เป็นเวลา หากไม่ทานในช่วงเวลาที่กำหนดจะเก็บอาหารขึ้น ไม่แนะนำให้บังคับป้อนอาหาร เพราะจะทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อการทานอาหาร การปรับอาหารให้มีความน่าทานมากยิ่งขึ้น เช่น ใส่น้ำลงไปในอาหาร อุ่นอาหารให้มีความหอมมากขึ้น หรือสามารถลองใส่เนื้อสัตว์ปรุงสุก เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา ลงในอาหารหลักของสัตว์เลี้ยง โดยปกติแล้วเด็กๆจะแนะนำให้ทานขนมหรือท็อปปิ้งได้ปริมาณไม่เกิน 10% ของแคลลอรี่ที่ควรได้รับต่อวัน หากมากกว่านี้จะทำให้เสียสมดุลย์ของอาหารหลักที่ทานได้ ซึ่งปริมาณแคลลอรี่ที่เหมาะสมของเด็กๆแต่ละตัวนั้น จะขึ้นอยู่กับ น้ำหนัก อายุ กิจกรรมที่ทำ สามารถพาน้องปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำการคำนวณให้เหมาะสมในแต่ละตัวได้ค่ะ การพิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร โดยคุณหมอจะพิจารณาเลือกยาที่เหมาะสมให้กับสัตว์เลี้ยงเป็นกรณีไป โดยสรุปแล้วการเลือกทานอาหารของสัตว์เลี้ยงสามารถเกิดได้ทั้งจากพฤติกรรม ความเครียด หรือ การเลือกทานที่เราสังเกตนั้นอาจเป็นการเบื่ออาหารที่เกิดจากความเจ็บป่วยก็เป็นได้ ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามสามารถพาน้องมาปรึกษาสัตวแพทย์ได้ เพื่อหาสาเหตุที่ตรงจุดและวางแผนการรักษาต่อไป บทความโดย : สพ.ญ. ธัญทิพ พงษ์ไพบูลย์ อ่านต่อบทความอื่นๆ โภชนาการสัตว์เลี้ยง อ้วนไม่ใช่แค่น่ารัก – อันตรายซ่อนอยู่ในความจ้ำม่ำของน้องหมาน้องแมว